26 November 2012

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์โรงช้างต้น สวนจิตรลดา

src=

รูปภาพ : วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต 

ทอดพระเนตรช้างปั้นที่มีลักษณะพิเศษ ๔ ตระกูล ประกอบด้วย           พรหมพงศ์ อิศวรพงศ์ วิษณุพงศ์ และอัคนิพงศ์ โดยมีพระราชดำริให้กรมศิลปากรนำลักษณะพิเศษบางส่วนของพระเศวตอดุลยเดชพาหนซึ่งเป็นหนึ่งในช้างเผือกประจำรัชกาลมาเป็นต้นแบบ แล้วจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์รูปปั้นและเรื่องราวของช้างสำคัญประจำรัชกาลต่าง ๆ ในราชวงศ์จักรี  

ภาพจากฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์ สำนักพระราชวัง



วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ทอดพระเนตรช้างปั้นที่มีลักษณะพิเศษ ๔ ตระกูล ประกอบด้วย พรหมพงศ์ อิศวรพงศ์ วิษณุพงศ์ และอัคนิพงศ์ โดยมีพระราชดำริให้กรมศิลปากรนำลักษณะพิเศษบางส่วนของพระเศวตอดุลยเดชพาหนซึ่งเป็นหนึ่งในช้างเผือกประจำรัชกาลมาเป็นต้นแบบ แล้วจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์รูปปั้นและเรื่องราวของช้างสำคัญประจำรัชกาลต่าง ๆ ในราชวงศ์จักรี

ขอขอบคุณ Facebook Information Division of OHM และสำนักพระราชวัง


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา



วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ในการนี้ ทอดพระเนตรการดำเนินงานของโรงนมยูเอชที สวนจิตรลดา ซึ่งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งเมื่อปี ๒๕๔๖ เพื่อแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด โดยมีกำลังการผลิตทั้งในบรรจุภัณฑ์แบบกล่องและแบบถุงรวม ๒๐,๐๐๐ ลิตร/วัน 

ขอขอบคุณ  Facebook Information Division of OHM  และ สำนักพระราชวัง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา





วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๕๗ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ในการนี้ ทรงเยี่ยมโรงโคนมสวนจิตรลดา ซึ่งได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๐๕ เพื่อส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโคนมแก่ราษฎร ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาชีพพระราชทาน รวมทั้งทำการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์โคนมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ปัจจุบันเลี้ยงโคนมพันธุ์โฮสไตล์ ฟรีเซียน ซึ่งเกิดจากการผสมเทียม เป็นวัวเพศเมีย จำนวน ๔๓ ตัว สามารถรีดนมได้ทั้งหมด ๑๖ ตัว โดยน้ำนมดิบที่รีดได้จะนำไปแปรรูปที่ศูนย์รวมนมเพื่อผลิตเป็นนมพาสเจอร์ไรส์ ส่วนวัวเพศผู้จะนำเข้าโครงการโคพระราชทานเพื่อมอบให้แก่ราษฎรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไป

ขอขอบคุณ Facebook Information Division of OHM และสำนักพระราชวัง

23 November 2012

โอบามาได้เข้าเฝ้าในหลวง

โอบามา เผย สุดประทับใจได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวง (ไอเอ็นเอ็น)








     ผู้นำสหรัฐฯ เผย ประทับใจที่สุดคือการได้รับพระบรมราชานุญาตโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ ที่ทรงช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงมายาวนาน

          ภายหลังการร่วมหารือแบบทวิภาคี ระหว่าง ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้แถลงข่าวร่วมกัน โดย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ดีใจที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เลือกมาไทยเป็นประเทศแรก หลังจากชนะการเลือกตั้ง เพราะปีหน้าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ จะครบ 180 ปี ซึ่งไทยถือเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย มีอุดมการณ์ทางการเมืองคล้ายกันในเรื่องประชาธิปไตย การค้าเสรี และการปกครอง ซึ่งไทยจะเริ่มกระบวนการพิจารณาเข้าร่วมเจรจา ทรานส์แปซิฟิก พาร์ทเนอร์ชิพ (TPP) โดยจะศึกษาผลกระทบและข้อผูกพันทางการค้า ทั้งภาครัฐและเอกชน

          ทั้งนี้ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา บอกว่า ที่เลือกมาไทยเป็นประเทศแรก เพราะเป็นมิตรประเทศที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย และความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ดีในภูมิภาคนี้ อีกทั้ง ยังชื่นชมรัฐบาลไทย ที่สามารถรักษาระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับประเทศอื่นในภูมิภาค และที่ประทับใจที่สุด คือ การได้รับพระบรมราชานุญาตโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ที่ทรงช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงมายาวนาน

          ทั้งนี้ สหรัฐฯ ต้องการยกระดับความสัมพันธ์กับไทย ในด้านการทหาร ความมั่นคง การค้า การลงทุนในกรอบเอเปก และหวังว่าจะสามารถเริ่มเจรจาสนธิสัญญาการค้าแปซิฟิก หรือ พีทีที รวมทั้ง มีข้อผูกพันการค้าเสรีที่ก้าวหน้าและเป็นธรรม

ขอขอบคุณ kapook.com 
และสำนักพระราชวัง




17 November 2012

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนิน ทุ่งมะขามหย่อง




ภาพประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนีนาถ ทรงเสด็จพระราชดำเนิน ทุ่งมะขามหย่อง ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2539 เป็นเวลา 16 ปีมาแล้ว ยังความปราบปลื้มปิติมิรู้ลืมมาสู่ชาวอยุธยาเมื่อ พระองค์ทรงเคียวเกี่ยว­ข้าวที่ทุ่งมะขามหย่อง เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้­ ที่ชาวอยุธยาไม่มีวันลืม ครบรอบ 16 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเกี่ยวข้าวที่ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา โอกาสนี้ทางจังหวัดได้จัดสร้างพระบรมรูปนูนสูง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถือเคียวเกี่ยวข้าว เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เป็นพระบรมรูปนูนสูง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถือเคียวเกี่ยวข้าว ซึ่ง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้จัดสร้างขึ้นภายในบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี ในโอกาสครบรอบ 16 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเกี่ยวข้าวที่ทุ่งมะขามหย่อง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2539 สำหรับเคียวดังกล่าวเป็นเคียวสแตนเลส ประดับมุก ทำขึ้นใหม่ด้วยฝีมือของนายพยงค์ ทรัพย์มีชัย นายช่างที่ตีเคียวอันเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เกี่ยวข้าวที่ทุ่งมะขามหย่อง เมื่อ 16 ปีก่อน นายพยงค์ เปิดเผยถึงความภาคภูมิใจในฐานะช่างตีเคียว พร้อมยืนยันว่า จะตั้งใจทำงาน สืบสานอาชีพช่างตีมีดและเคียวเอาไว้ต่อไป 
 "อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี" ทุ่งหันตรา พระนครศรีอยุธยา : http://www.youtube.com/watch?v=lPtbDYVfceI

แรงบันดาลใจของในหลวง Inspiration of The King


29 October 2012

ในหลวงพระราชทานพรปีใหม่ 2555


สคส. พระราชทาน ในหลวง 2555

ww สคส. พระราชทาน ในหลวง 2555


ส.ค.ส. พระราชทาน เป็นบัตรส่งความสุข ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประดิษฐ์ขึ้นด้วยพระองค์เอง เพื่อพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ เป็นประจำทุกปี
ส.ค.ส. พระราชทาน ประจำปี ๒๕๕๕ เป็น พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในฉลองพระองค์สากลสีเทาลายริ้วสีอ่อน ปกด้านซ้ายทรงประดับเข็มเครื่องหมายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิที่พระราชทานกำเนิดและทรงดำรงตำแหน่งพระบรมราชูปถัมภก ทรงผูกเนคไทสีแดงลวดลายสีทอง เข้าชุดกับผ้าปักพระกระเป๋า ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว
ประทับบนเก้าอี้ ด้านข้างพระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้าง มีโต๊ะกลม โต๊ะด้านขวาวางแจกันขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสี ทรงฉายร่วมกับสุนัขทรงเลี้ยง คือ คุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาท หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย
ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับตกแต่งเป็นสวนดอกไม้ประดับ ด้านซ้ายมีระแนงไม้สีขาว ประดับอักษรชมพู ข้อความภาษาไทยว่า สวัสดีปีใหม่ และข้อความภาษาอังกฤษ ว่า Happy New Year ด้านขวามีต้นสนประดับเครื่องตกแต่ง ฉากหลัง เป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน ด้านซ้ายบน มีตราพระมาหพิชัยมงกุฎประดับ ส่วนด้านขวามมีผอบทองประดับ
ตรงกลาง ส.ค.ส. ด้านขวา มีข้อความจากบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ซึ่งเป็นคำตอบที่พระมหาชนกทรงตอบนางมณีเมขลาว่า “ถึงจะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่าย อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จด้วยเพียงคิดเท่านั้น” ทรงเตือนสติให้คนไทยทั้งหลายมีความเพียร เช่นเดียวกับพระมหาชนก ที่ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียร จนรอดชีวิต ประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจาการกระทำ ไม่ได้เกิดจากแค่เพียงความคิด
ตรงกลาง ส.ค.ส. ด้านซ้าย มีข้อความภาษาไทยพิมพ์ด้วยสีชมพูขอบสีเหลืองว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ ๒๕๕๕ และ ข้อความภาษาอังกฤษพิมพ์ด้วยสีแดงขอบสีเหลืองว่า Happy New Year 2012
ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า ขอจงมีความสุข ความเจริญ มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส. 9 ปรุง 185029 ธค.54 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing , D Bramaputra , Publisher
กรอบของ ส.ค.ส. พระราชทานฉบับนี้ เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆ เรียงกันด้านละ 3 แถว ส่วนด้านบนและด้านล่างเรียงกันด้านละ 2 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม




24 October 2012

18 October 2012

18.10.55 ในหลวงทอดพระเนตรทัศนียภาพศิริราช





ในหลวงทอดพระเนตรทัศนียภาพศิริราช ในหลวงพระพักตร์แจ่มใส เสด็จฯลงอาคารเฉลิมพระเกียรติ ทอดพระเนตรทัศนียภาพและทรงพักผ่อนพระอิริยาบถ หลังทรงประชวรครั้งล่าสุด 3 เดือนที่ผ่านมา

 เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 18 ตุลาคม 255 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ไปประทับ ณ บริเวณพลับพลาประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงอุ้มสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ไว้บนพระเพลา เพื่อทอดพระเนตรและพักพระอิริยาบถ ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ถวายการรักษา ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปันจะวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชปิยะมหาราชการุณย์ เป็นผู้เข็นรถพระที่นั่ง ขอบคุณข่าว คมชัดลึก http://bit.ly/T1rGx3 ~~~~~~ ~ทรงพระเจริญ~

16 October 2012

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ทรงประกอบพิธีเปิด 5 โครงการชลประทาน ของกรมชลประทาน วันที่ 7 ก.ค.55

ในหลวง ฉลองพระองค์จอมทัพไทยทหารเรือ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ทรงประกอบพิธีเปิด 5 โครงการชลประทาน ของกรมชลประทาน วันที่ 7 ก.ค.55


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์จอมทัพไทยทหารเรือ เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาลศิริราช เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช เสด็จฯ ประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ที่กองทัพเรือจัดถวาย ทอดพระเนตรริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ไปยังบริเวณเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และกลับมายังบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ






ตามรอยพระราชา ปฐมบทโครงการ (ที่บ้านห้วยมงคล)


"...เมื่อ 58 ปีที่แล้ว หมู่บ้านห้วยมงคล ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันคือ ต. ทับใต้ อยู่ห่างจากตัว อ.หัวหินไปทางด้านทิศตะวันตกประมาณ 3 กิโลเมตร ถูกเรียกขานว่าหมู่บ้านหลังเขา เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่และเส้นทางการคมนาคมอันทุรกันดารที่ชาวบ้านต้องใช้ร่วมกับ­ทางชักลากไม้ซุงที่เต็มไปด้วยหลุม บ่อ และ โคลนเลน ชาวบ้านต้องพากันรุนรถเข็นเดินทางเป็นเวลานับ 10 ชั่วโมง เพื่อลำเลียงพืชผลทางการเกษตรไปขายที่ตลาดหัวหิน ซึ่งพืชผลส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับความเสียหายระหว่างการเดินทาง จนทำให้ชาวบ้านจำต้องขายพืชผลในราคาต่ำ หรือเมื่อมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ชาวบ้านก็ต้องพากันรุนรถผู้ป่วยเพื่อไปหาหมอในเมืองเช่นกัน.."


ข้าวผัดอิ่มใจ เรื่องเล่าจาก ดร.สุเมธ


เรื่องเล่าจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ครั้งตามเสด็จไปที่เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์ ปี พ.ศ.2527.....เป็นเรื่องราวที่คนไทยอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน.....


พระจริยวัตรของพระองค์เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคน รู้จักการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและพอเพียง ทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัวในชีวิตประจำวันเรา ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงาน เช่นแค่ข้าวผัด 1 จานก็สิ้นเปลืองพลังงานเท่ากับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งลิตร....



ตามรอยพระราชา รายอ กีตอ พระราชาแห่งข้าฯบาท

"ปีพุทธศักราช 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนพสกนิกรในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งแรก โดยขบวนรถไฟพระที่นั่งสายประวัติศาสตร์ ในครานั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสดับรู้ถึงความข้นแค้นของชาวบ้านด้วยพระเนตร พระกรรณของพระองค์ทั้งสิ้น ที่ทุกข์เพราะความยากจนจากน้ำท่วม น้ำแล้ง และดินพรุที่ ไม่สามารถปลูกได้แม้แต่พืชเพื่อยังชีพอย่างข้าว.."





...พระสหายแห่งสายบุรี "วาเด็งปูเต๊ะ" เสียชีวิตแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เชิญดินพระราชทาน ไปในพิธีฝังศพ นายวาเด็ง ปูเตะ "พระสหายสายบุรี" ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา เมื่ออายุได้ 96 ปี ในวันที่ 14 สิงหาคม 2555 จากกรณีที่ นายวาเด็ง ปูเต๊ะ อายุ 96 ปี พระสหายแห่งลุ่มน้ำสายบุรี จ.ปัตตานี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ) หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยคณะแพทย์ตรวจพบโรคเพิ่ม 2 โรค คือ เลือดเส้นเลือดดำโป่งพองใกล้หัวใจ และโรคไตวายระยะสุดท้าย นอกเหนือจากโรคหัวใจที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่ง ปู่วาเด็ง มีอายุมาก และร่างกายไม่แข็งแรง ล่าสุดวันนี้ ( 7ส.ค.2555 ) นายวาเด็ง ปูเต๊ะ ได้เสียชีวิตด้วยโรคชรา

ขอบคุณ Facebook  รวมใจภักดิ์ รักสามัคคี เพื่อทำความดีถวายในหลวง
ขอเชิญ รวมพลัง กด like http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B5-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%96%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87/179235078808091

เจลลี่พระราชทานจากในหลวง เพื่อประชาชนชาวไทยของพระองค์

ได้รับรู้เรื่องราวดีๆแบบนี้แล้ว อดที่จะแบ่งปันให้พี่น้องร่วมชาติ ได้รับรู้ไม่ได้เลย ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า

"เจลลี่พระราชทานจากในหลวง เพื่อประชาชนชาวไทยของพระองค์"

เจลลี่ พระราชทาน เป็นเงินส่วนพระองค์ของในหลวงทำออกมาแจกให้กับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งในช่องปาก 
และ ผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤก อัมพาต ผู้ป่วยที่ไม่สามารถกินอาหารได้ต้องให้อาหารทางสายยาง
ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับการบดเคี้ยว ลิ้นแข็ง เบื่ออาหาร ทำให้ร่างกายผู้ป่วยผอม ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
ลองไปขอรับเจลลี่ พระราชทาน มารับประทานดู
มันจะเหมือนเต้าหู้นิ่มก้อนสี่เหลี่ยม มีรสชานม กับรสมะม่วงกินแทนข้าวมันจะอิ่ม หรือจะกินข้าว แล้วกินเจลลี่ พระราชทาน
คู่กันไปด้วยก็ได้ แต่ถ้ากินข้าวได้ก็ให้กินข้าว แต่ถ้ากินข้าวไม่ได้ก็ให้กินเจลลี่ พระราชทาน 1 มื้อ ต่อ 1 กล่อง

เราก็ไปขอรับมาแล้วที่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬา เราเอามาให้แม่กิน (แม่ไม่ซำบาย) ตอนแรกรู้ข่าวไปขอรับ
นึกว่าจะได้กล่องเล็กๆ หนึ่งกล่อง ที่ไหนได้!! เจ้าหน้าที่หอบมาให้ 2 แพ็ก รสชานม (แพ้นมก็กินได้)
แล้วก็เอารสมะม่วงอีกหนึ่งกล่องมาให้ (ลองชิม) เพราะรสมะม่วงหมด

เราถึงกับร้องโอ้โฮ !!!!! ให้เยอะจัง เจ้าหน้าที่บอกให้มาทานทั้งหมด 6 วันลองดูก่อน ถ้าหมดแล้วมาขอรับใหม่ได้
เราก็เลยถามกลับไปว่า แล้วจะ ขอบริจาคช่วยด้วยจะได้มั๊ย (เกรงใจให้ตั้งเยอะ ใส่ถุงผ้าอย่างดีเลย คิดแล้วคงจะหลายตังค์)

เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่ไม่มีให้รับบริจาค เพราะเป็นเงินของ ในหลวง

โห !!! เรานี้ตะลึง ตึง ตึง เลย !!! ปลาบปลื้มเอามั่กๆไม่คิดเลยว่าในหลวงจะห่วงประชาชนคนไท
ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยจริงๆ ไม่มีฟันเคี้ยวอาหารก็ทำรากฟันเทียมให้ใส่ กินอาหารไม่ได้ก็ทำเจลลี่ พระราชทานให้กิน โห !!!
ซาบซึ้งพระองค์ท่านสุดๆ จริงๆ ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่กว่าความรักของในหลวงที่มีให้กับประชาชนคนไทยทุกคนจริงๆ
" ทรงพระเจริญ "

1. โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา 044-235582, 081-955-9002
2. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรุงเทพฯ 02-3547025-35
3. ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 02-5461960-6
4. ศูนย์มะเร็งชลบุรี 038-784001-5
5. ศูนย์มะเร็งลพบุรี 036-621800
6. ศูนย์มะเร็งลำปาง 054-335262-8
7. ศูนย์มะเร็งอุดรธานี 042-207375-80
8. ศูนย์มะเร็งอุบลราชธานี 045-285610-5, 045-285637-40
9. ศูนย์มะเร็งสุราษฎร์ธานี 077-211625-8 ต่อ 1006
10. คณะทันตแพทย์ศาสตร์ จุฬา 089-664-4634, 02-218-9027

ขอบคุณ Facebook น้าหมู โมเดิร์นไนน์


งานอดิเรกของในหลวง" โดย "ลัดดาซุบซิบ"


งานอดิเรกของในหลวง" โดย "ลัดดาซุบซิบ"

ในหลวงทรงโปรดวิทยุ (หมายถึงวิทยุติดต่อรับส่ง) ทรงสร้าง ทรงซ่ิิอมเอง
เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงติดตามข่าวราชการทั่วประเทศอยู่ตลอดเวลา
ช่วงไหนที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างมีพายุ มีจลาจล ไม่ได้บรรทม จะทรงติดตามข่าวทางวิทยุตลอด อย่างที่พระองค์ทรงดนตรีออกอากาศทางสถานีวิทยุ อ.ส.พระราชวัง ดุสิต ซึ่งขอเพลงได้ด้วยนั้น อาจจะมีหลายหมื่นคนทีเดียวที่ขอเพลงโดยตรงจากพระเจ้าอยู่หัวโดยไม่รู้ตัวทุกวันศุกร์
เดลินิวส์ (วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๔)

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ "ใกล้เบื้องพระยุคลบาท"
***เครดิต ภาพและบทความ จาก สร้อยสรวง แสนสุรศิลป์ **

//ทรงปกครองแผ่นดินและดูแลทุกข์สุขคนไทยมานานกว่า 60 ปี//

ขอบคุณ Facebookกลุ่มดินรักษ์ฟ้า

8 October 2012

สองธรรมราชา













“สองธรรมราชา” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรและศาสนจักรของไทย ผู้ทรงเปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรมอันสุดประมาณ 
( ในภาพ) ... สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อครั้งทรงเป็น “พระอภิบาล” ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รั
ชกาลปัจจุบัน ในระหว่างที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
วันนี้วันพุธที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ประมุขสงฆ์ไทย เจริญพระชันษา ๙๙ ปี
และในวันนี้ เวลา ๑๐.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ในการบำเพ็ญพระกุศลคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช ที่พระอุโบสถวัดบวรฯ จึงขอเชิญร่วมเทิดพระเกียรติพระประมุขสงฆ์ไทย ตามวันและเวลาดังกล่าวโดยทั่วกัน

เรื่องเล่าพระเจ้าอยู่หัว



...ในเดือนหนึ่งของปี 2528 พระทนต์องค์หนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหักเฉียดโพรงประสาทฟัน พระทนต์องค์นั้นต้องการการถวายการรักษาเร่งด่วน แต่ขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังประสบปัญหาอุทกภัย ต้องการการบรรเทาทุกข์เร่งด่วนเช่นกัน เมื่อทันตแพทย์เข้ามาถวายการรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า "จะใช้เวลานานเท่าใด" ทันตแพทย์กราบบังคมทูลว่า อาจต้องใช้เวลา 1-2 ชม. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า "ขอรอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้ วันนี้ขอไปดูราษฏรและช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมก่อน"...

ขอบคุณเรื่องจาก Facebook

ที่นี่ บ้านของพ่อ พงษ์พัฒน์ งานนาฏราช 2553 (Eng Sub)


เป็นรางวัลที่ได้รับบทบาทจากผู้ที่เป็นพ่อ ขออนุญาตพูดถึงพ่อนิดนึงก็แล้วกัน

พ่อเป็นเสาหลักของบ้าน บ้านของผมหลังใหญ่ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน 
ผมเกิดมาบ้านหลังนี้ก็สวยงามมากแล้ว สวยงามและอบอุ่น 

แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้นะครับ บรรพบุรุรษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด 
เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมา 

จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน ดูแลความสุขของทุกคนในบ้าน 

ถ้ามีใครซักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ 
และก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน

ผมจะเดินไปบอกกับคนๆนั้นว่า ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ 
เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ 

ผมรักในหลวงครับ พวกเราสีเดียวกันครับ (ศี)รษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน

::พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง @ งานประกาศรางวัลนาฏราช 2553::

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

To non-Thai viewers : This actor said: 


The father role got me this award, so I'd like to say sth about a father. 



This father is the pillar of the house. This house is very large. 

There are many of us in this house. 


When I was born, this house was perfectly beautiful and cozy. 
But, it took our ancestors to build this house. Our father's ancestors 
sacrificed their labor and lives. 

Father s been working hard to take care of us.

If any angry ones yell for something they want badly from Father. 
They hate him so much that they want him out of his own house, 

I will walk to them and say, 'If you no longer love him, then get out of the house. 

This is his house. This is his land'. 

...I love the King! 

I believe everyone here loves the King as well. 

We all have one thing for the King ... Our Lives!

:: Pongphat Wachirabanchong @ Nataraj Award 2010 ::
(Translate by octnov001, Thx)


5 October 2012

ภาพยนตร์ เทิดพระเกียรติ ปิดทองหลังพระ ตอน ความฝันอันสูงสุด

ภาพยนตร์เทิดพระเกียรติ ปิดทองหลังพระ ตอน ความฝันอันสูงสูด : ภาพยนตร์ที่คนรักในหลวงต้องดู 
เสนอฉายวันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันศุกร์ 3ธันวาคม 2553

เพราะไม่อยากให้เป็นวีรบุรุษแค่ 7 วันแล้วคนไทยก็ลืม ..ชีวิตไม่ได้ช่วยเหลือคนอื่น คือชีวิตที่ไร้ค่า.. 

5 ธค 2554


5 ธค 2554

4 October 2012

Supreme Holiness of World Buddhism


ขอทรงมีพระพลานามััยแข็งแรงทั้งสองพระองค์
วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา ๙๙ ปี

ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นับตั้งแต่ปี ๒๕๓๒

ทรงเป็นพระอภิบาลในพระภ
ิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จออกทรงพระผนวช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๙ และทรงเป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อครั้งเสด็จออกทรงผนวชด้วย

ทรงให้กำเนิดคณะสงฆ์เถรวาทขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ทรงช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศเนปาล โดยเสด็จไปให้การบรรพชาแก่ศากยะกุลบุตรในประเทศเนปาลเป็นครั้งแรก

ทรงเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักรพระองค์แรกที่ได้รับทูลเชิญให้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน

ล่าสุด ผู้นำสุดยอดพระพุทธศาสนาจาก ๓๒ ประเทศทั่วโลก ได้ถวายพระสมัญญานามว่า "Supreme Holiness of World Buddhism" หรือ "เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ผู้นำสูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา"

ที่มา http://www.facebook.com/infodivohm

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โครงการพระราชดำริ




โครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก เริ่มดำเนินการศึกษาครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2508 และในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริ ให้กรมชลประทานศึกษาตามความเหมาะสมโครงการ อย่างจริงจังและเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ และบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ในเขตลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ตลอดจนกรุงเทพฯและปริมณฑล กรมชลประทานได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป่าสัก ชลสิทธิ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2537 และแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2542 และในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และทรงพระราชทานนามเขื่อน แห่งนี้ว่า "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" ซึ่งมีความหมายว่า เป็นเขื่อนเก็บกักน้ำที่มีประสิทธิภาพ


ขอบคุณ Facebook We love royalty

ทฤษฎีการป้องกันการเสื่อมโทรมและพังทลายของดินโดยหญ้าแฝก พืชจากพระราชดำริ


ทฤษฎีการป้องกันการเสื่อมโทรมและพังทลายของดินโดยหญ้าแฝก พืชจากพระราชดำริ : กำแพงที่มีชีวิตในการอนุรักษ์ และคืนธรรมชาติสู่แผ่นดิน
                                                   

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงสภาพปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการสูญเสียหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ จึงทรงศึกษาถึงศักยภาพของ “หญ้าแฝก” ซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านของไทยที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดินและอนุรักษ์ความชุ่มชื้นใต้ดิน ซึ่งมีวิธีการปลูกแบบง่าย ๆ เกษตรกรสามารถดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องให้การดูแลหลังการปลูกมากนัก ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย จึงได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการศึกษาทดลองเกี่ยวกับหญ้าแฝก ลักษณะของหญ้าแฝก หญ้าแฝกมีชื่อสามัญเป็นภาษาอังกฤษว่า Vetiver Grass มีด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ หญ้าแฝกดอน (Vetiveria nemoralis A. Camus) และหญ้าแฝกหอม (Vetiveria zizanioides Nash) เป็นพืชที่มีอายุได้หลายปี ขึ้นเป็นกอแน่น มีใบเป็นรูปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม ยาว 35-80 ซม. มีส่วนกว้าง 5-9 มม. หญ้าแฝกจะมีการขยายพันธุ์ที่ได้ผลรวดเร็วโดยการแตกหน่อจากลำต้นใต้ดิน ในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่วนของก้านช่อดอกได้ เมื่อหญ้าแฝกโน้มลงดินทำให้มีการเจริญเติบโตเป็นกอหญ้าแฝกใหม่ได้


การใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ
- การปลูกเป็นแถวตามระดับขวางความลาดชัน เพื่อชะลอความเร็วของน้ำ และดักตะกอนดิน ส่วนน้ำจะไหลซึมลงไปสู่ดินชั้นล่างได้มากขึ้น เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นในดิน ส่วนรากหญ้าแฝกจะหยั่งลึกลงไปในดินอาจถึง 3 เมตร ซึ่งสามารถยึดดินป้องกันการพังทลายได้
- การปลูกเพื่อแก้ปัญหาการพังทลายของดินเป็นร่องน้ำลึก
- การปลูกในพื้นที่ที่มีความลาดชัน โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคใต้ ให้ปลูกหญ้าแฝกเป็นแนวรั้วบริเวณคันคูขอบเขา หรือริมขั้นบันไดดินด้านนอก โดยควรปลูกเป็นแถวตามแนวขวางความลาดเทในต้นฤดูฝน
- การปลูกเพื่อการอนุรักษ์ความชุ่มชื้นในดิน โดยปลูกแถวหญ้าแฝกขนานไปกับแถวของไม้ผล ปลูกแบบวงกลมรอบไม้ผล และปลูกแบบครึ่งวงกลมหงายรับน้ำฝน
- การปลูกเพื่อป้องกันการเสียหายของขั้นบันไดดินหรือคันคูรับน้ำรอบเขา
- การปลูกเพื่อป้องกันตะกอนดินทับถมลงสู่คลองส่งน้ำ ระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำในไร่นาตลอดจนปลูกรอบสระ หรือปลูกเป็นแถวขนานไปกับแม่น้ำ ลำคลองเพื่อกรองตะกอนดิน
- การปลูกเพื่อฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรม
- การปลูกเพื่อป้องกันการพังทลายของไหล่ถนนที่ลาดชันสูง โดยปลูกหญ้าแฝกเพื่อยึดดินและเบี่ยงเบนทางน้ำไหลบริเวณไหล่ทาง และปลูกขวางแนวลาดเท เพื่อป้องกันการพังทลายและเลื่อนไหลของดิน
- การปลูกในพื้นที่ดินดาน รากหญ้าแฝกสามารถหยั่งลึกลงไปในดินดาน ทำให้ดินแตกร่วนขึ้น และหน้าดินจะมีความชื้นเพิ่มขึ้น
- การปลูกเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารพิษในแหล่งน้ำ รากหญ้าแฝกจะเป็นกำแพงกักกั้นดินและสารพิษที่ปะปนมากับน้ำไม่ให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำเบื้องล่างและรากยังมีประสิทธิภาพในการดูดซับธาตุโลหะหนักและสารเคมีบางอย่างได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น


ประโยชน์เอนกประสงค์อื่น ๆ ของหญ้าแฝก
- ปลูกหญ้าแฝกบนคันนา เพื่อให้คันนาคงสภาพอยู่ได้นาน
- ปลูกหญ้าแฝกเพื่อใช้ประโยชน์มุงหลังคา ตับหลังคาที่ทำจากหญ้าแฝกสามารถผลิตจำหน่ายได้ ส่วนรากที่มีความหอมนั้นคนไทยรุ่นเก่าเคยนำมาแขวนในตู้เสื้อผ้าทำให้มีกลิ่นหอมและช่วยไล่แมลงที่จะทำลายเสื้อผ้าได้
- หญ้าแฝกมีสรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการท้องอืดเฟ้อ และแก้ไข้ได้ ส่วนรากสามารถนำมาสกัดทำน้ำมันที่มีประโยชน์และคุณค่าทางการค้าได้ อาทิเช่น ฝรั่งเศสผลิตน้ำหอมจากรากหญ้าแฝก ชื่อ “Vetiver” 


จากการดำเนินงานที่ทุกหน่วยงานได้ร่วมมือกันให้เป็นไปตามพระราชดำริ ทำให้มีผลการศึกษาและการปฏิบัติได้ผลอย่างชัดเจน จนเป็นที่ยอมรับจากธนาคารโลกว่า “ประเทศไทยทำได้ผลอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม” เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 International Erosion Control Association(IECA) ได้มีมติถวายรางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นแบบอย่างในการนำหญ้าแฝกมาใช้ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ และเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำแห่งธนาคารโลก ได้นำคณะเข้าเฝ้า ทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้า ฯ ถวายแผ่นเกียรติบัตรเป็นภาพรากหญ้าแฝกชุบสำริด ซึ่งเป็นรางวัลสดุดีพระเกียรติคุณ (Award of Recognition) ในฐานะที่ทรงมุ่งมั่น ในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้หญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและน้ำ และผลการดำเนินงานหญ้าแฝกในประเทศไทยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วโลก ความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินที่กลับคืนมานี้ เป็นเพราะพระวิริยะอุตสาหะและพระปรีชาญาณอันยาวไกล แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงศึกษาวิเคราะห์เพื่อหาหนทางในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยที่กำลังถูกทำลายไปอย่างรวดเร็วทั้งนี้เพื่อความมั่งคั่งสมบูรณ์พูนสุขของประชาชนอย่างแท้จริง


CR: http://bit.ly/ReLkeu

ขอบคุณ Facebook We love royalty

11 May 2012




 "หนังนี้สร้างโดย BBC คงเป็นช่วง ปี 2509-10 จอมพล ถนอมเป็นนายกช่วงกลางสงครามเวีย­ดนามและประเทศมี ภัยคอมฯ ทั้งในและนอกประเทศ จนกระทั่งปัจจุบัน มากกว่า 40 ปีหลังจากหนังนี้ได้สร้าง พระองค์ได้พิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่าพระองค์ ได้ทำเพื่อประชาชน ของพระองค์ มากกว่าที่ หนังสร้าง พันเท่า หมื่นเท่าก็ว่าได้ สุดจะบรรยาย ถึงความเสียสละ ของพระองค์ไม่มีประมุขประเทศหรื­อมหากษัตริย์ ชาติใดในโลก ที่จะทำได้เทียบเท่าพระองค์ พระองค์รักประชาชน เหมือน พ่อรักลูก พ่อทำทุกอย่างเพื่อลูกและแผ่นดิ­น ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน" 

1 comment

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=4mggqi5rG2k#!

18 March 2012

เรื่องที่คนไทยไม่รู้ : อาหารทรงโปรดของ 'พระราชา'

เรื่องที่คนไทยไม่รู้ : อาหารทรงโปรดของ 'พระราชา'
พระกระยาหารของพระราชา ในความคิดของคนทั่วไปอาจจะต้องดูหรูหราราคาแพง
แต่สำหรับพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของคนไทยเช่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดชนั้น พระองค์ทรงโปรดพระกระยาหารที่แสนจะเรียบง่าย
ที่คนไทยส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบว่าพระองค์ทรงโปรดเสวยอะไรบ้าง

คำโบร่ำโบราณที่กล่าวว่า "กินเพื่ออยู่" คงมิได้มีไว้ใช้แต่ประชาชนคนธรรมดา
ไม่เว้นแม้แต่พระราชาของไทยอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เอง
พระองค์ท่านก็ได้นำหลักคำสอนนี้มาใช้ด้วย
ในแต่ละวันที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อชาวไทยอย่างเหน็ดเหนื่อย
พอถึงช่วงเวลาที่พระองค์ได้เสวยพระกระยาหารนั้น จะมีเมนูไหนที่พระองค์ทรงโปรด
โดยอาจารย์วันดี ณ สงขลา อาจารย์ประจำวิทยาลัยในวังหญิง
เจ้าของหนังสือตำนานอาหารสามแผ่นดินได้เล่าไว้อย่างน่าสนใจ


อาหารทรงโปรดในรัชกาลที่ 9 นั้น หลักๆ พระองค์ทรงโปรดผักทุกชนิด มาทำอาหาร เช่น
ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา และจะใส่ผักให้มาก ส่วนเนื้อสัตว์จะน้อย
โดยจะเสวยกับข้าวกล้องเป็นหลัก

ส่วนเมนูอื่นๆ ซึ่งโปรดเป็นพิเศษก็จะมีความหลากหลาย สำหรับเครื่องกลางวัน อาทิ
ซุปอาสาเรน (ซุปใสใส่ไข่), สปาเก็ตตี้มิลานเนส, แกงจืดเซ่งจี้, ผัดไก่เล่าปี่,
ปู่เค็มต้มกะทิ, หลนปลากุเลา, ผัดเผ็ดปลาดุกทอดฟู และของหวาน เช่น
กล้วยหักมุกเชื่อม, ไอศกรีม หรือผลไม้

ในยามดึก เมื่อเสด็จกลับจากพระราชกรณียกิจ
จะมีเครื่องว่างที่มหาดเล็กได้จัดตั้งถวายให้ หรือเป็นเพียงบะหมี่ จะใส่หน้าหมูแดง
หน้าเป็ด หน้าปู ก็ได้ แต่ทั้งนี้จะมีปลาอยู่ชนิดหนึ่งที่พระองค์ไม่เสวยก็คือ
ปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย
ซึ่งจะเลี้ยงไว้ในสระว่ายน้ำของพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง
แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง

Twitter : sriploi_socialไทยรัฐออนไลน์
  โดย ทีมข่าวไลฟ์สไตล์ออนไลน์
  19 มีนาคม 2555